การเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมให้ได้อัตรารอดสูงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการที่ดี และการเลือกสายพันธุ์กุ้งขาวที่ดี เพราะสำหรับเราชาวเกษตรกร จำเป็นต้องรอบคอบติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันการสูญเสีย และสร้างผลลัพธ์จาการเพาะพันธุ์ให้ได้คุ้มค้าที่สุด
การเลือกสายพันธุ์ที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้การเลี้ยงกุ้งสามารถไปสู่จุดหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น
การปล่อยลูกกุ้งขาว PL (Post larva) ในบ่อดินให้มีอัตราการรอดสูง เราจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญแก่ การเตรียมบ่อ และการเตรียมน้ำ เพราะสิ่งแวดล้อมที่กุ้งอยู่จะต้องสะอาด เพื่อที่จะให้ลูกกุ้งแข็งแรง และโตได้ไวตามระยะเวลาที่กำหนด จึงจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนการเลี้ยงกุ้งขาวควรมีการเตรียมบ่อก่อนที่จะลงลูกกุ้งขาวชุดใหม่ โดยทำการตากพื้นบ่อให้มีความแห้งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อย 15 วัน เพื่อเป็นการตัดวงจรการเกิดเชื้อโรคต่างๆ พร้อมหว่านปูนร้อนให้ทั่วบ่อ และขอบบ่อ สโลปบ่อด้วยอัตราการใช้ปูนร้อน 500 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ในการฆ่าเชื้อ หากไม่สามารถตากแห้งได้ 100% อาจใช้วิธีการเพิ่มโดสปูนขึ้นอีกตามความเหมาะสม และทิ้งไว้ 1-2 วัน ก่อนดึงน้ำเข้า
บ่อพีอีล้วนควรมีตากบ่ออย่างน้อย 7 วัน และทำการล้างทำความสะอาดบ่อ ด้วยซันไลต์ หรือไอโอดีน (ด้วยความเข้มข้น 100 พีพีเอ็มหรือ 100 มล. ต่อน้ำ 1 ลบ.ม.) เพื่อทำการฆ่าเชื้อพื้นโดยทำให้ค่า pH น้ำที่แช่พื้นบ่ออยู่ที่ 10-12 และใส่ปูนร้อน 2 กก. ดูดน้ำแช่พื้น สเปรย์สโลป ทิ้งไว้ 24 ชม. เมื่อครบเวลาจึงล้างออกด้วยน้ำจืด ดูดน้ำออกให้แห้งอย่างน้อย 3 วัน จึงดึงน้ำปล่อยกุ้งเข้าบ่อ
การเตรียมน้ำเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากสำหรับก่อนปล่อยลูกกุ้งขาวแวนนาไมลงบ่อ การฆ่าเชื้อในน้ำน้ำ และการกำจัดพาหะถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ หากมีบ่อฆ่าเชื้อแยกจากบ่อเลี้ยง ควรดึงน้ำผ่านถึงกรอง 3 ชั้น ทรีตด้วยคลอรีนผง 70% อัตราการใช้ 40 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่น้ำ 1 เมตร ละลายสาดให้ทั่ว หรือจะเปิดใบพัดเพื่อให้สารละลายผสมเข้ากับเนื้อน้ำก็ได้ รอจนคลอรีนหมดฤทธิ์ ดึงน้ำเฉพาะส่วนที่ใส ไปยังบ่อเลี้ยง
หลังจากนั้นให้แล้วเติมแร่ธาตุเสริมเพื่อแต่งค่าคุณภาพน้ำให้เหมาะกับการเลี้ยงกุ้งขาว Alkaline 100-150 mg/l, pH 7.5 - 8.5 ส่วน Calcium:Magnesium:Potassium อัตราส่วน 1:2:1 (น้ำจืด) หรือ 1:3:1 (น้ำเค็ม) ขึ้นอยู่การกับพื้นที่ และความเค็มของน้ำ แล้วจึงใช้สีน้ำเทียมเพื่อพรางแสง และป้องกันไม่ให้ลูกกุ้งนั้นเกิดอาการเครียดซึ่งมีผลต่ออัตราการรอดของลูกกุ้งขาวกรณีใช้บ่อเลี้ยงเป็นบ่อทรีตไปในตัว
การดึงน้ำเข้าบ่อเลี้ยงควรผ่านการกรองผ้าใยแก้ว หยดคลอรีนลงไปกับน้ำที่เข้าบ่อ และฆ่าเชื้อน้ำด้วยคลอรีนผง 70% อัตราการใช้ 40 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่น้ำ 1 เมตร หลังจากคลอรีนหมดฤทธิ์แล้ว แต่งค่าคุณภาพน้ำดังวิธีข้างต้น แล้วจึงใช้สีน้ำเทียมเพื่อพรางแสง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกุ้งขาวแวนนาไมนั้นเกิดอาการเครียด เพราะอาการนี้มีผลต่ออัตราการรอดของลูกกุ้งขาวด้วย
การเลือกลูกกุ้งขาวควรเลือกจากแหล่งที่มีคุณภาพขั้นตอนนี้เป็นกุญแจสำคัญอีกหนึ่งประการที่จะทำให้การเลี้ยงประสบความสำเร็จ
เกษตรกรควรเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะกับการจัดการของตน ไม่ว่าจะเป็นสายโตเร็ว หรือสายทนทาน ก็ควรเลือกให้เหมาะกับระบบการจัดการของเกษตรกร ก่อนที่เกษตรกรจะรับลูกกุ้ง ควรจะมีการขอใบตรวจโรคจากฟาร์ม เพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าลูกกุ้งผ่านการตรวจเชื้อ (PCR) จากแหล่งตรวจที่เชื่อถือได้ ทำให้เกษตรกรมั่นใจได้ว่าก้าวแรกของเกษตรกรนั้น ไม่พลาดแน่นอน
“ขนาดของลูกกุ้งที่ควรปล่อย ควรเป็นลูกกุ้งขาว PL12 หรือ 6 มม. ขึ้นไป เพราะจะทำให้ลูกกุ้งหาอาหารได้เร็วกว่า จับยอได้เร็ว และโตเร็วกว่าลูกกุ้งไซส์เล็ก มีความแข็งแรงพอที่จะป้องกันตัวเอง ดีดหนี จากศัตรูใดๆ”
โดยก่อนที่จะปล่อยกุ้ง ควรมีการนำเอาตัวอย่างกุ้งที่เราจะรับมา “ลองน้ำ” ในบ่อของเราก่อนอย่างน้อย 24 ชม. เพื่อดูว่ากุ้งแข็งแรงพอ สามารถปรับสภาพอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อม และน้ำใหม่ และไม่ได้มีสารเคมีใดๆ หลงเหลืออยู่ที่จะทำให้ลูกกุ้งตายยกล็อต เพื่อป้องกันการสูญเสีย
การจัดการเราามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่สำคัญที่สุดคือต้องจะอยู่ภายใต้ค่าคุณภาพน้ำที่ดีด้วย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของกุ้ง โดยระหว่างการเลี้ยง ปริมาณอ๊อกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำจะต้องไม่ต่ำกว่า 4 พีพีเอ็ม แอมโมเนีย และไนไตร์ท ยิ่งน้อยที่สุดยิ่งดี และค่าอัลคาไลน์ควรอยู่ที่ 80-100 พีพีเอ็ม
หากมีการตั้งปั๊มดูดเลนกลางบ่อ ให้ติดระบบไฟฟ้าให้ดูดเลนทุกๆ 1 ชม. จะเป็นการช่วยลดของเสียสะสมในบ่อได้ดีมาก และจะยิ่งดีมากขึ้นไปอีกหากมีการถ่ายน้ำระหว่างการเลี้ยง จะช่วยให้สภาพแวดล้อมในบ่อดี กุ้งก็จะโตเร็วขึ้นด้วย
หากคุณกำลังหากุ้งเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงอยู่ แต่ไม่มีแหล่งของกุ้งขาวแวนนาไมที่มีคุณภาพ สามารถติดต่อมาได้ที่กุ้งสยาม เรารับรองคุณภาพ พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ติดต่อ 081-375-5684